• ดัชนีดาวโจนส์ปิดลง 22.1 จุด คิดเป็น -0.09% ที่ระดับ 25,964.82 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิด -0.01% ที่ระดับ 2,901.52 จุด และดัชนี Nasdaq ปิด +0.26% ที่ระดับ 8,109.54จุด

ดัชนีดาวโจนส์และ S&P500 ปิดทรงตัวและดัชนี Nasdaq ปิดแดนบวก ท่ามกลางปริมาณการซื้อขายที่เบาบาง หลังผลสรุปการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและแคนาดายังคงปราศจากทางแก้ไขร่วมกันได้ก่อนจะเข้าสู่ช่วงวันหยุดแรงงานสหรัฐฯ (Labor Day)

ปริมาณการซื้อขายเคลื่อนไหวอย่างจำกัดท่ามกลางภาวะตึงเครียดทางการค้าที่ยังสร้างความผันผวนต่อตลาด ขณะที่ภาพรวมรายเดือนดัชนีหลักทั้ง 3 ของตบาดหุ้นสหรัฐฯยังปรับขึ้รได้ในแดนบวก โดยเฉพาะ Nasdaq ที่ในเดือนส.ค. มีการขยายตัวรายเดือนที่มากที่สุดนับตั้งแตา ม.ค. ที่ผ่านมา

• รายงานจาก Wall Street Journal ระบุว่า การเจรจาระหว่างสหรัฐฯและแคนาดาเกี่ยวกับข้อตกลง NAFTA ได้สิ้นสุดลงโดยที่ต่างฝ่ายต่างยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้

• หัวหน้านักวิเคราะห์ตลาดหุ้นจาก USAA กล่าวว่า เราอาจไม่มีข้อตกลงที่มาแทนที่ NAFTA ได้เร็วตามที่พวกเราคิดหวังไว้ โดยสัญญาณบวกที่เกิดขึ้นช่วงต้นสัปดาห์ก็ดูจะลดน้อยลงไปในขณะนี้

• บรรดานักบริหารกองทุนในตลาดสหรัฐฯลดการถือครองหุ้นของภาคธนาคารลง 14% ในช่วงไตรมาสที่ 2/2018 ซึ่งเป็นการลดการถือครองรายไตรมาสที่มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2013 ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของภาคธนาคารที่บรรดานักบริหารกองทุนและนักวิเคราะห์ต่างกังวลว่าผลประกอบการของภาคธนาคารได้เติบโตมาถึงจุดสูงสุดแล้ว โดยตั้งแต่ช่วงเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา หุ้นภาคธนาคารในดัชนี S&P 500 ได้ปรับลดลงมามากกว่า 5%

• ตลาดหุ้นเอเชียเปิดผสมผสานกันในเช้าวันนี้ หลังจากที่สหรัฐฯและแคนาดาล้มเหลวในการเจรจาหาข้อตกลงทางการค้าร่วมกันในวันศุกร์ที่ผ่านมา

• ดัชนีนิกเกอิเปิดแดนลบเช้านี้ โดยปรับลงไป -0.39% ตามหุ้นกลุ่มหลักๆที่ปรับลง ทางด้านดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้เปิด -0.23%

• ธนาคารกสิกรไทย ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทสำหรับสัปดาห์นี้ ไว้ที่ระดับ 32.50-33.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยตลาดจะจับตาสัญญาณความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและประเทศคู่ค้า ตลอดจนถ้อยแถลงของสมาชิกเฟด ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ประกอบด้วย ข้อมูลตลาดแรงงาน ประกอบด้วย ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงาน ค่าจ้าง และตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชน รวมถึงดัชนี PMI ภาคการผลิต/ภาคบริการเดือนส.ค. ยอดสั่งซื้อภาคโรงงาน รายจ่ายเพื่อการก่อสร้างเดือนก.ค. ส่วนปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ดัชนี PMI ของยุโรป จีน และญี่ปุ่นในเดือนส.ค.