• ดัชนีดาวโจนส์ปิดปรับขึ้น 251.22 จุด คิดเป็น +0.95% ที่ระดับ 26,656.98 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดปรับ +0.78% ที่ระดับ 2,930.75 จุด และดัชนี Nasdaq ปิด +0.98% ที่ระดับ 8,028.23 จุด

หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวขึ้นได้ช่วยหนุนให้หุ้นสหรัฐฯปรับตัวขึ้นและปิดระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยหุ้นสหรัฐฯปิดปรับขึ้นจากความกังวลทางการค้าที่บรรเทาลงไป ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีช่วยหนุนดัชนี Nasdaq ให้ปรับตัวขึ้น

• ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่เปิดแดนบวกเช้านี้ตามตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ปิดปรับขึ้นเป็นประวัติการณ์ โดยดัชนีนิกเกอิเช้านี้เปิด +0.49% จากหุ้นกลุ่มประกันที่ปรับขึ้นได้กว่า 1.43% ประกอบกับข้อมูล Core CPI ของญี่ปุ่นที่ขยายตัวได้ 0.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ทางด้านดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้เปิด +0.3% ในเช้านี้

• นักบริหารเงิน คาดกรอบการเคลื่อนไหวในวันนี้ระหว่าง 32.30-32.45 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทวานนี้แข็งค่าสุดที่ระดับ 32.34 ถือว่าแข็งค่าสุดในรอบ 3 เดือนกว่านับตั้งแต่ 15 มิ.ย.61 ยังคงเป็นผลต่อเนื่องจาก กนง.ที่ส่งสัญญาณชัดเจนมากขึ้นว่าจะขึ้นดอกเบี้ย

• รัฐมนตรีกระทรวงการคลังแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การขึ้นดอกเบี้ยมากเกินไปก็จะส่งผลกระทบทำให้มีเงินทุนไหลเข้ามาอีก ทำให้ค่าเงินบาทแข็งขึ้นอีก ก็จะเป็นเรื่องที่ไม่ดีกับการส่งออกและเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ การขึ้นดอกเบี้ยที่มากเกินไปจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อไม่เข้าสู่กรอบเป้าหมายของ ธปท. ที่ 1-4% เพราะตอนนี้เงินเฟ้อแตะกรอบล่างอยู่เล็กน้อย

ในส่วนของไทยต้องดูว่าควรจะขึ้นดอกเบี้ยเมื่อไหร่ และต้องขึ้นในจังหวะที่เหมาะสม และต้องไม่ทำให้เศรษฐกิจของประเทศมีปัญหา