• ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวลงต่อท่ามกลางการกล่าวเตือนถึงยอดขายที่ตกลงของบริษัท Apple พร้อมอ้างถึงภาวะเศรษฐกิจจีนชะลอตัว จึงยิ่งตอกย้ำถึงความกังวลต่อภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจโลกที่อาจเป็นผลมาจาก Trade War
นอกจากนี้ ข้อมูลภาคการผลิตสหรัฐฯที่อ่อนแอกว่าที่คาด จึงยิ่งเพิ่มความกังวลต่อภาวะชะลอตัวดังกล่าวมากยิ่งขึ้น
ดัชนีดาวโจนส์ปิดร่วงลง 660.02 จุด คิดเป็น -2.8% ที่ 22,686.22 จุด หลังหุ้น Apple ปรับตัวลงหนักเกือบ 10% และเป็นภาวะที่ย่ำแย่ที่สุดของหุ้น Apple นับตั้งแต่ปี 2013
ทั้งนี้ การปรับลงของดาวโจนส์ล่าสุดก่อนจะปิดตลาดนั้น ร่วงไปถึง 707.83 จุด
ดัชนี S&P 500 ร่วงลง -2.47% ที่ 2,447.89 จุด หลังหุ้นเทคโนโลยีร่วงลงไป 5.07% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิด -3% ที่ 6,463.5 จุด
• ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดในแดนลบ ท่ามกลางการปรับร่วงลงของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่เกิดจากความกังวลหลัง Apple ปรับลดคาดการณ์ผลกำไรจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
โดยดัชนี Nikkei ของญี่ปุ่นเช้านี้เปิด -3.45% ส่วนดัชนี Topix เปิด -2.9% ท่ามกลางหุ้นเกือบทุกกลุ่มที่เคลื่อนไหวในแดนลบ นำโดยหุ้น Softbank และ Retailing ที่เปิด -4.5% และ -3.5% ตามลำดับ ขณะที่ดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้เปิด -0.2%
• นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในวันนี้ไว้ระหว่าง 32.10 - 32.25 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่เงินบาทเมื่อวานนี้เคลื่อนไหวค่อนข้างสวนทางภูมิภาค เนื่องจากเมื่อวานนี้เงินบาทได้หลุดระดับ 32.20 บาท/ดอลลาร์ลงมา ส่งผลให้มีแรงเข้าซื้อตามเข้ามามาก และลงไปทำจุดต่ำสุดที่ 32.03 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับแข็งค่าสุดที่สุดในรอบเกือบ 7 เดือน แต่การเคลื่อนไหวหลักๆ ยังเป็นไปตามแรงซื้อแรงขาย ไม่มีปัจจัยชี้นำเป็นพิเศษแต่อย่างใด