สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 2 กรกฎาคม 2562

ข่าว

สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 2 กรกฎาคม 2562

2 กรกฎาคม 2562

· ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดแดนบวก นำโดยการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่มีมุมมองต่อความคืบหน้าทางการเจรจาการค้ามากขึ้น รวมทั้งสัญญาณเกี่ยวกับการผ่อนปรนต่อบริษัท Huawei

ดัชนีดาวโจนส์ปิดปรับขึ้น 117.47 จุด หรือ +0.44% ที่ระดับ 26,717.43 จุด ขณะที่ S&P500 ปิด +0.77% ที่ 2,964.33 จุด และ Nasdaq ปิด +1.06% ที่ 8,091.16 จุด

อย่างไรก็ดี แม้จะเห็นการร่วงลงของหุ้นสหรัฐฯในเดือน พ.ค. ปีนี้จากแรงเทขายทำกำไร อันเป็นผลมาจากสหรัฐฯ-จีนล้มเหลวต่อการเจรจาและสร้างความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว

ถึงแม้ว่าการพบกันของผู้นำสหรัฐฯและจีนล่าสุดจะมีการกลับมาเจรจาทางการค้ากันอีกครั้ฝ แต่บรรดาเทรดเดอร์ก็รอดูการปรับลดดอกเบี้ยของเฟดอีก 0.25% ในการประชุมระหว่าง 30-31 ก.ค.นี้ ท่ามกลางข้อมูลภาคการผลิตสหรัฐฯที่ชะลอตัวลงในเดือนมิ.ย. ในขณะที่กิจกรรมภาคการผลิตทั่วยุโรปและเอเชียที่ออกมาอ่อนแอก็ดูจะสนับสนุนต่อกระแสคาดการณ์การปรับลดดอกเบี้ยเช่นกัน

· ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นและปิดแดนบวกเมื่อวานนี้ นำโดยหุ้นจีน ได้แก่ ดัชนีเซี่ยงไฮ้ คอมโพสิตปิด +2.2%, เสิ่นเจิ้น คอมโพเนนท์ปิด +3.84%, เสิ่นเจิ้นคอมโพสิต +3.464% และ CSI300 ปิด +2.88% ซึ่งตอบรับกับข่าวที่ว่าผู้นำสหรัฐฯและจีนตกลงกันที่เลื่อนการขึ้นภาษีรอบใหม่ออกไปก่อนเพื่อให้เกิดการกลับมาเจรจากันอีกครั้ง

ทางด้านหุ้นยุโรปก็ปิดแดนบวกเช่นกัน โดยดัชนี Stoxx 600 ปิด +0.9% ตอบรับข่าวดังกล่าวเช่นกัน แม้ว่าช่วงต้นตลาดดัชนีจะอ่อนตัวจากข้อมูล PMI ของยูโรโซนที่ออกมาอ่อนแอ

· ตลาดหุ้นเอเชียเปิดผสมผสานกันในเช้าวันนี้ หลังดัชนี S&P500 ปิดระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯได้รับแรงหนุนจากสถานการณ์ที่ผ่อนคลายมากขึ้นระหว่างสหรัฐฯและจีน โดยดัชนีนิกเกอิเปิด +0.12% ทางด้านTopix เปิด +0.13% และดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้เปิด -0.4% ทางด้านดัชนี ASX200 ปิด +0.27%

· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

-นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 30.50 - 30.70 บาท/ดอลลาร์

-เมื่อวานนี้ เงินบาทแข็งค่าสุดที่ระดับ 30.54/55 บาท/ดอลลาร์ เป็นผลจากตลาดรับข่าวในเชิงบวกจากการประชุม G20 ที่สหรัฐฯชะลอการจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน จึงทำให้นักลงทุนทยอยขายสินทรัพย์ปลอดภัย และถือเงินหยวนแทน จึงส่งผลให้ค่าเงินสกุลอื่นในภูมิภาคแข็งค่าตามไป

อย่างไรก็ดี ในระยะถัดไปเงินบาทยังมีแนวโน้มแข็งค่าได้อีก โดยต้องจับตาการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ในการประชุมรอบหน้านี้ ว่าจะพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายหรือไม่

- กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมิ.ย.62 สูงขึ้น 0.87% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ยังเป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ในปีนี้ สำหรับปัจจัยที่กดดันให้เงินเฟ้อชะลอตัวมาจากสินค้ากลุ่มพลังงาน ตามราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศ

พร้อมกันนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังปรับลดคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในปีนี้ ลงเหลือ 1% (กรอบ 0.7-1.3%) จากเดิม 1.2% (กรอบ 0.7-1.7%) โดยมีปัจจัยสำคัญจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีแนวโน้มหดตัว, เงินบาทแข็งค่า และการส่งออกชะลอตัว

- ธปท. เผยดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือนมิ.ย.62 อยู่ที่ระดับ 49.4 ปรับลดลงจากเดือนพ.ค.62 จากความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการในภาคการผลิต และภาคที่มิใช่การผลิต โดยในส่วนของภาคการผลิต มาจากการลดลงของกลุ่มผู้ผลิตยานยนต์ที่คำสั่งซื้อในประเทศลดลงตามยอดขายที่ชะลอตัว ส่วนภาคที่มิใช่การผลิต ชะลอตัวลงจากกลุ่มที่พัก บริการ ร้านอาหาร และขนส่ง ตามภาวะการท่องเที่ยวที่ชะลอตัวลง

- ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ประเมินค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 30.40-30.80 บาท/ดอลลาร์ โดยตลาดให้ความสนใจกับตัวเลขเงินเฟ้อในเดือนมิ.ย.62 ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอลงต่อเนื่อง รวมทั้งติดตามว่าธปท. จะออกมาตรการที่เข้มข้นมาใช้ดูแลการไหลเข้าของเงินทุน เพื่อดูแลการแข็งค่าของเงินบาทในช่วงนี้หรือไม่

- พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รับทราบและพอใจผลการจัดอันดับการพัฒนาตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในกรอบสหประชาชาติ (UN SDGs) ปี 2019 ซึ่งประเทศไทยเลื่อนขึ้น 19 อันดับจากอันดับที่ 59 เมื่อปีที่แล้วมาอยู่ที่อันดับ 40 ในปีนี้ และถือเป็นอันดับ 1 ของอาเซียน จากรายงานของเครือข่ายการแก้ปัญหาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Solutions Network – SDSN) และมูลนิธิ Bertelsmann Stiftung

บริษัท เอ็มทีเอส แคปปิตอล จำกัด
10,12,14 ชั้น 3 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200
Copyright © 2014 MTS Capital Co., Ltd. All right reserved