สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 2 กรกฎาคม 2562

ข่าว

สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 2 กรกฎาคม 2562

2 กรกฎาคม 2562

· ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวสูงขึ้น หลังจากที่นายโนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน “ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว” ผ่านการเจรจาทางโทรศัพท์เมื่อวานนี้ พร้อมยืนยันว่าข้อตกลงการค้าใดๆที่จะเกิดขึ้น สหรัฐฯต้องเป็นฝ่ายได้รับผลประโยชน์ โดยดัชนี Stoxx600 เพิ่มขึ้น 0.2%


· ตลาดหุ้นเอเชียปรับร่วงลง ท่ามกลางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯที่ปรับตัวลงและราคาทองคำฟื้นตัวขึ้น เนื่องจากข้อมูลภาคการผลิตทั่วโลกที่อ่อนแอทำให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับการเติบโตที่ชะลอตัว ขณะที่นักลงทุนตั้งข้อสงสัยว่าสหรัฐฯและจีนจะสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าได้หรือไม่ จึงกดดันคามเชื่อมั่นของเหล่านักลงทุน

ผลการสำรวจการผลิตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา โดยกิจกรรมโรงงานในเขตยูโรหดตัวเร็วกว่าที่คิดไว้ก่อนหน้านี้และกิจกรรมการผลิตของสหรัฐฯประจำเดือนมิ.ย.ชะลอตัวลงมาใกล้ระดับต่ำสุดในรอบสามปี

โดยดัชนี MSCI ที่ไม่รวมหุ้นญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 0.28%

· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนมีความระมัดระวังมากขึ้นหลังจากที่ดัชนีปรับตัวสูงขึ้นเมื่อวันก่อน หลังจากการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมา

โดยดัชนี Nikkei เพิ่มขึ้น 0.11% ที่ระดับ 21754.27 จุด หลังจากเพิ่มขึ้นไปที่บริเวณ 21,784.22 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 7 พ.ค. ที่ผ่านมา ทั้งนี้ดัชนีเพิ่มขึ้น 2.1% เมื่อวานนี้ หลังจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ต่างเห็นพ้องกันที่จะยังไม่ขึ้นภาษีสินค้านำเข้ารอบใหม่ระหว่างกัน

ทั้งนี้ นายทรัมป์ กล่าวถึงการประชุมที่ผ่านมาว่าเป็นไปด้วยดี ที่ส่งสัญญาณถึงการกลับมาเจรจาร่วมกันอีกครั้ง

· ตลาดหุ้นจีนปิดทรงตัว เนื่องจากเหล่านักลงทุนระมัดระวังการลงุทนนักลงทุนใช้ความระมัดระวัง ท่ามกลางข้อสงสัยว่าที่ว่าสหรัฐฯและจีนจะสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าร่วมกันได้หรือไม่ โดยดัชนี Shanghai Composite ทรงตัวที่บริเวณ 3,043.94 จุด

เหล่านักลงทุนหันมาสนใจเกี่ยวกับข้อมูลภาคการผลิตของจีน เนื่องจากจะรอดูว่าจีนจะยังใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไปหรือไม่ หลังจากที่สามารถสงบศึกทางการค้ากับสหรัฐฯเป็นการชั่วคราวได้

อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

· พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติไทย (คสช.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ในวันนี้ได้มีการประชุมคสช.เพื่อทบทวนการปฎิบัติงานในระยะต่อไปเมื่อไม่มี คสช.แล้วจะทำอย่างไร ส่วนในเรื่องที่ยังไม่ได้ข้อยุติจะส่งเรื่องให้รัฐบาลใหม่ ซึ่งคสช.จะหมดหน้าที่ในวันถวายสัตย์ปฏิญาณของครม.ใหม่ ประมาณกลางเดือนนี้ ซึ่งเป็นไปตามไทม์ไลน์ทุกประการ

พร้อมย้ำกระแสข่าวเรื่องการปฏิวัติว่า คงไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นอีก ควรกลับไปแก้ปัญหาให้ถูกวิธีดีกว่า

· พล.ต.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีไทย เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินการจ้างที่ปรึกษาเพื่อออกแบบรายละเอียดงานโยธา โครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการพัฒนาระบบรถไฟฟ้าความเร็วสูงเพื่อการเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพมหานคร-หนองคาย ระยะที่ 2 (ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย) ระยะเวลาดำเนินการ 19 เดือน ในวงเงิน 751,624,800 บาท ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ

อ้างอิงจากสำนักข่าวประชาชาติธุรกิจ

· ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า เงินบาททำสถิติแข็งค่ารอบใหม่ที่ 30.52บาท/ดอลลาร์ ชี้แบงก์ชาติลดวงเงินออกบอนด์สั้น ดูแลค่าเงินบาทแล้ว หลังพบวงเงินออกพันธบัตร 3 เดือนถึง 1 ปีลดลงไป 2 หมื่นล้านบาท เพื่อชะลอเงินทุนไหลเข้าระยะสั้

แม้การปรับลดวงเงินการออกพันธบัตรระยะสั้น มักจะเป็นเครื่องมือแรก ๆ ที่ธปท. นำมาใช้เพื่อช่วยชะลอกระแสเงินทุนไหลเข้าระยะสั้น อย่างไรก็ดี เป็นที่น่าสังเกตว่า ผลสุทธิที่มีต่อทิศทางการเคลื่อนย้ายเงินทุนในภาพรวมของนักลงทุนต่างชาติ ยังคงขึ้นอยู่กับอีกหลายปัจจัย โดยเฉพาะมุมมองต่อแนวโน้มของค่าเงินดอลลาร์ฯ เมื่อมองไปข้างหน้า

โดยประเมินว่า ปัจจัยสำคัญที่ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิดในระยะใกล้ ๆ นี้ ยังเป็นเรื่องการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ซึ่งจะมีผลกระทบต่อเนื่องไปยังแนวโน้มเศรษฐกิจ ทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) รวมไปถึงภาพรวมการเคลื่อนไหวของค่าเงินดอลลาร์ฯ

นอกจากนี้ ในเบื้องต้นการปรับลดวงเงินการออกพันธบัตรธปท. ระยะสั้น อาจเป็นหนึ่งในการดำเนินการในชั้นแรกเพื่อดูแลประเด็นค่าเงินบาท ขณะที่คาดว่า ธปท. น่าจะติดตามทิศทางเงินทุนเคลื่อนย้ายระยะสั้น และผลกระทบต่อทิศทางเงินบาทอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินความจำเป็นของการออกมาตรการที่มีความเหมาะสมต่อไปในระยะข้างหน้า

บริษัท เอ็มทีเอส แคปปิตอล จำกัด
10,12,14 ชั้น 3 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200
Copyright © 2014 MTS Capital Co., Ltd. All right reserved