· ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลง เนื่องจากกระแสคาดการณ์การปรับลดดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมเดือนนี้ได้เบาบางลงไป ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของเหล่านักลงทุน โดยดัชนี Stoxx600 ลดลง 0.4% ด้านหุ้นสารเคมีลดลง1.6% ขณะที่รถยนต์และทรัพยากรพื้นฐานทั้งคู่ลดลงมากกว่า 1% ขณะที่หุ้นสาธารณูปโภคเป็นหุ้นที่มีผลประกอบการดีที่สุดโดยมีกำไรเพิ่มขึ้น 0.6%
· ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงทำระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ครึ่ง ท่ามกลางความหวังที่ลดลงเกี่ยวกับการที่เฟดจะลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ ขณะที่บริษัทเทคโนโลยีต่าง ๆ ปรับลดลงเนื่องจากการร่วงลงของ Apple Inc
เหล่านักลงทุนปรับลดโอกาสการลดดอกเบี้ยของเฟดลง หลังจากข้อมูลภาคแรงงานสหรัฐฯออกมาอย่างแข็งแกร่ง ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯร่วงลงติดต่อกัน 2 วันทำการ
ด้านดัชนี MSCI ที่ไม่รวมหุ้นญี่ปุ่ยลดลง 0.5% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ตลาดการเงินกำลังสนใจ นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด ที่จะมีการกล่าวถ้อยแถลงต่อสภาคองเกรส เกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้ ที่อาจเป็นนัยยะต่อแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของเฟดได้
· นักลงทุนต่างชาติกลับมาเข้าซื้อหุ้นเอเชียในเดือนมิ.ย.เป็นมูลค่ารวม 4.2 พันล้านเหรียญ ทั้งใน เกาหลีใต้ ไต้หวัน อินเดีย ไทย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเชีย และเวียดนาม เนื่องจากมุมมองเชิงบวกก่อนการประชุมระหว่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กับนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน รวมถึงความคาดหวังของการลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด
· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย อย่างไรก็ดี ตลาดส่วนใหญ่ยังคงปรับตัวลงเนื่องจากหุ้นแอปเปิ้ลดิ่งลงกดดันหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
โดยดัชนี Nikkei เพิ่มขึ้น 0.14% ที่ระดับ 21,565 จุด ขณะที่ดัชนี Topix ลดลง 0.22% ที่ะรดับ 1,574.89 จุด
สำหรับเดือนนี้ ดัชนีเคลื่อนไหวในช่วงแคบ ๆ ระหว่าง 21,500-21,800 จุด เนื่องจากนักลงทุนต้องการความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับนโยบายของเฟดและแนวโน้มเศรษฐกิจโลก
· ตลาดหุ้นจีนปิดแดนลบ ท่ามกลางแรงกดดันจากตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ปิดตลาดในแดนลบเมื่อคืนนี้ หลังตัวเลขจ้างงานสหรัฐฯที่ออกมาแข็งแกร่งกว่าคาด ลดกระแสคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยลงไป
ความเชื่อมั่นในตลาดจีนยังถูกกดดันจากกรณีที่ ดัชนีหุ้นตัวใหม่ที่รูปแบบคล้ายกับดัชนี Nasdaq ที่จะเปิดตัวในสัปดาห์นี้ เปิดรับรายชื่อบริษัทเพียงแค่ 9 บริษัทเท่านั้น
อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
· อีไอซีปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทย (GDP) ปี 62 ลงเหลือขยายตัว 3.1% จากประมาณการเดิมที่ 3.3% จากการส่งออกสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากภาวะสงครามการค้าและการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกเป็นสำคัญ โดยเศรษฐกิจโลกในช่วงที่เหลือของปียังมีแนวโน้มชะลอตัวต่อเนื่องจากภาวะการค้าและการลงทุนของโลกที่ชะลอลงจากความไม่แน่นอนด้านนโยบายการค้าโลกที่ยังอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะภาวะสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ที่มีระดับความรุนแรงเพิ่มขึ้นในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
· บริษัท สมาร์ท เอเชียต้า ของกัมพูชา แถลงว่า ทางบริษัทได้เริ่มทดสอบระบบเครือข่าย 5G ร่วมกับบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ ในวันนี้ และจะเริ่มมีการให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ 5G ภายในปีนี้
ทั้งนี้ สมาร์ท เอเชียต้า ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของเอเชียต้า กรุ๊ปของมาเลเซีย ได้ให้บริการต่อลูกค้าเกือบครึ่งหนึ่งของประชากรจำนวน 16 ล้านคนของกัมพูชา
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลกัมพูชาได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับหัวเว่ยในเดือนเม.ย. เพื่อให้ทางบริษัทช่วยพัฒนาระบบ 5G ในกัมพูชา